ตะขิดตะขวงใจ งั้นก็ต้องจัดการแก้ให้หายขาดให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน

ตะขิดตะขวงใจ

ตะขิดตะขวงใจ ว่าเพื่อนบ้านของตัวเองน่าจะเคยเป็นอดีตทหารนาซีที่เคยจับตัวเราไปทรมาน

ตะขิดตะขวงใจ The Secrets We Keep ภาพยนตร์ระทึกขวัญ พล็อตล้ำแห่งปี 2020 ในอเมริกา ยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง มายา (นูมิ ราเพซ) เหยื่อสงครามชาวโรมานี อพยพจากยุโรป มาเริ่มชีวิตใหม่ กับสามี ชาวอเมริกันของเธอ ในหมู่บ้านย่านชานเมือง

แต่กลับพบว่า คนแปลกหน้าแถวบ้าน (โจล คินนาแมน) ของพวกเขา อาจจะเป็นอดีตทหารนาซี ที่เคยจับเธอไปทรมาน เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มายาจึงวางแผนลักพาตัวเพื่อนบ้านหน้าใหม่มาเอาคืนให้สาสม แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนเพราะเธอไม่มีหลักฐานมัดตัว เธอจึงต้องปลุกด้านมืดของเธอออกมาเพื่อคาดคั้นความจริงจากปากชายโชคร้ายคนนี้

  • อ่านบทจบตอบตกลงรับเล่นทันที

ภายหลังที่นูมิ ราเพซ ได้อ่านบท The Secrets We Keep ที่โปรดิวเซอร์มีชื่ออย่าง ลอเรนโซ ดิ โบนาเวนทูรา ส่งมาให้ เธอรู้สึกตัวว่านี่เป็นบทผู้แสดงที่เธอตามหาอยู่ เรื่องราวสุดระทึกซึ่งสามารถเป็นเวทีให้เธอได้เจอกับเพื่อนฝูงดารา โจล คินนาแมน อีกรอบ รื้อโครงสร้างของหนัง

ทั้งสองเรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกันที่สวีเดน แล้วก็เคยร่วมเล่น ภาพยนตร์ตื่นเต้น Child 44 ในปี 2015 แม้ว่าจะได้แสดงด้วยกัน ไม่กี่ซีน แม้กระนั้น มันพอที่จะทำให้ ราเพซอยากหาโอกาส ได้ร่วมงาน กับคินนาแมนอีก พอเพียงเธอส่งบท แม้กระทั่งเขา เขารีบตกลงสวมบทชายปริศนาที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องทั้งสิ้นในทันที

  • แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของเหยื่อในค่ายกักกัน

The Secrets We Keep เป็นเรื่องราว ที่การล้างแค้น และก็การให้อภัย เล่าผ่านมุมมอง ของผู้รอดชีวิต จากการฆ่าล้างเชื้อสาย ชาวโรมาเนีย โดยไรอัน โควิงตัน นักเขียนบท ได้แรงดลใจมาจาก การได้มองเทปสัมภาษณ์ หญิงสาว ที่รอดมาจาก ค่ายกักกันเอาชวิตซ์-เบียร์เคเนา หญิงสาวคนนั้น เล่าว่าเธอมี ลักษณะอาการ PTSD เมื่อใดก็ตาม มีคนตะโกนภาษาเยอรมัน ในที่ชุมชน ซึ่งทำให้ เขาต้องการ จะศึกษาประเด็น เรื่องราวของ ค่ายเอาชวิตซ์

ในด้านของผู้รอดชีวิต ที่แก้ไขตนเอง หลังผ่านเรื่องราวฝังใจ จากการทำศึก ว่าพวกเธอสร้างชีวิตใหม่ หลังการฆ่าหมู่ครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ได้เช่นไร เมื่อได้แนวคิด เขาเลยเริ่มจินตนาการ นักแสดงออกมา ผ่านความพลัดพราก ที่เกิดขึ้น โดยมือของ พวกนาซีมาได้ เธอมาเริ่มชีวิตใหม่ ในอเมริกา กระทั่ง ชะตาชีวิต พาเธอโคจรมาเจอ กับชายที่เธอว่า เป็นคนพรากความสุขไปจากเธอ

เมื่อโปรดิวเซอร์ลอเรนโซ ดิ โบนาเวนทูรา อ่านบทแล้วรู้ทันที ว่าหนังเรื่องนี้ จึงควรพรีเซนเทชั่น มุมมองความเร้นลับ ตื่นเต้นน่าสะพรึงกลัว ในแบบที่ยังไม่มีผู้ใด เคยเล่ามาก่อน ทั้งยังตั้งคำถามสำคัญ แม้กระนั้น มิได้มีคำตอบ ที่ชัดเจนแน่นอน

หนังย้ำความคลุมเครือ กระตุ้นให้ผู้ชมถามตัวเอง แทนที่ตัวพวกเขา กับสามนักแสดงหลัก ว่าพวกเขาจะจัดการ กับสถานการณ์ ที่ปรากฏข้างหน้าเช่นไร? การฆ่าเพื่อทวงแค้นนับว่าเป็นความชอบทำหรือไม่? แต่ละตัวละครมีจุดสิ้นสุดที่ต่างจากจุดเริ่มต้นของอย่างสิ้นเชิง

ตะขิดตะขวงใจ

  • ตัวละครผู้เป็นศูนย์กลางของเรื่อง

เมื่อนูมิ ราเพซ ก้าวเข้ามารับบทบาท ศูนย์กลางของเรื่อง ซึ่งเธอสามารถพรีเซนเทชั่นความเปราะบางและก็ความแข็งแกร่งให้กับนักแสดงปูมหลังตัวละครที่ราเพซและยูวัล แอดเลอร์ ผู้กำกับช่วยกันสร้าง เธอกำเนิด ในครอบครัวชาวโรมานีเร่รอนของประเทศโรมาเนีย ชาวโรมานีไม่เป็นที่ต้อนรับในยุโรป พวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดนสังคม เป็นต้นเหตุของอาชญากรรม โดนตราหน้าว่าเป็นหัวขโมย

มายาเลยจำเป็นต้องระเหินระหกไปพร้อมกับครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น รัฐบาลโรมาเนียไล่ส่งชาวโรมานีไปยังชายแดน ซึ่งทหารนาซีคอยต้อนพวกเขาไปเป็นทาสอยู่แล้ว เมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง มายาเหลือเพียงแค่น้องสาวผู้เดียว พวกเธอเดินเท้ากลับโรมาเนียกลับโดนกลุ่มทหารเยอรมันซุ่มจู่โจม พวกนั้นยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย

สิ่งที่เธอคิดออก อย่างเห็นได้ชัด เป็นพวกมันขืนใจ แล้วก็ฆ่าน้องสาวเธอ เธอแทบจำอะไร ในเรื่องราวนี้มิได้ เธออยากทราบว่ามันกำเนิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณมั่นใจว่าชายที่เธอพบชื่อคาร์ล เป็นหนึ่งในกรุ๊ปทหารที่ฆ่าน้องสาวเธอ เธอรู้สึกว่าชายคนนี้เป็นผู้เดียวซึ่งสามารถบอกเธอได้ว่ากำเนิดอะไรขึ้น

หนังเริ่มภายหลังการตายของน้องสาวมายา 15 ปี มายาสมรสกับหมอชาวอเมริกัน รวมทั้งย้ายถิ่นฐาน มาใช้ชีวิตในอเมริกา ด้วยความอับอาย คุณไม่เคยเล่าให้เคยฟังว่าคืนนั้นกำเนิดไรขึ้น กระทั่งกับสามีตนเอง เมื่อชายจากฝันร้ายของคุณ แสดงตัวขึ้นอีกที รีวิวหนัง

มันทำให้ความแค้น และความฉุนเฉียว ของคุณพรั่ง คุณเริ่มติดตามชายคนนี้ แอบสืบเรื่องครอบครัวของเขา จนกระทั่งถึงกับขนาดลักพาตัวไปเพื่อหวังล้างแค้น แม้กระนั้นเมื่อเหยื่อของมายากลับไม่ยอมรับสิ่งที่ทำลงไปทั้งปวง ยิ่งทำเธอกำเนิดโทสะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆเรื่อย

เบื้องหลังของเรื่องในยุคปี 1950 ยิ่งทำให้แนวทางการคิด และก็ลงมือมีอำนาจเยอะขึ้นเรื่อยๆ เมื่อค่านิยม ของสตรีในยุคนั้นเป็น เป็นเครื่องเพชรพลอย ของเพศชาย มีบทบาท เป็นเพียงแค่กุลสตรี เพียงแค่นั้น การที่ ลักพาตัวเพศชาย ที่ตัวใหญ่กว่า คุณเท่าตัว มันทำให้เห็นได้ชัดเจน ว่าคุณไม่ใช่สตรีปกติ ในสมัยที่เพศหญิง ยังมิได้รับการยอมรับ มายายืนหยัดเพื่อตนเอง

Share:

Author: admins