หนังระดับตำนาน MIB สามภาคแรกของวิล สมิธิและ ทอมมี ลี โจนส์ กับการต่อยอดให้กับคริส แฮมเวิร์ธและเทสซ่า ธอมป์สัน

หนังระดับตำนาน การเปลี่ยนมือผู้กำกับจากกางรี ชอนเนนเฟลด์มาเป็น เอฟ เอ็งปรี่ เกรย์ ผู้กำกับหนังแอ็คชั่นสุดเดือดที่พึ่งคัมแบ็คกลับมางานชุกข้างหลังการบรรลุผลของ Fast and Furious 8 (2017)

ซึ่งถ้าเกิดดูในส่วนงานดูแลฉากแอ็คชั่นรวมทั้งฉากขบขันต่างๆก็จะต้องจัดว่าเขาปฏิบัติหน้าที่ตนเองได้อย่างชำนิชำนาญ เนื่องจากว่าพวกเราจะไม่ทราบสึกเลยว่ามีฉากไหนที่เฉื่อยชา

ทุกสิ่งมองเร็วทันใจ กระทัดรัดไปหมด ซึ่งในทางดีก็คือะหนังมันเหมาะสมกับการรับทราบของผู้ชมปัจจุบันที่ไม่อยากที่จะให้มีฉากดราม่า หรือ บทพูดยาวๆถ้าเกิดปรารถนาดูหนังหวังสำราญใจสักเรื่อง

ด้วยเหตุนั้น สิ่งที่หนังยอม แลกเปลี่ยนเป็นการ ปูดราม่าและก็สร้าง ความสัมพันธ์นักแสดง ที่มองขาดๆวิ่น ๆ อย่างแจ่มแจ้ง สิ่งที่ทำให้ MIB สามภาคแรก ของชอนเนนเฟลด์ อยู่ในความ จำผู้ชมอาจ หนีไม่พ้น

ความเกี่ยวข้องแบบครึ่งหนึ่งบิดาลูกระหว่าง เอเจนต์ เจ กับ เค ของ วิล สมิธิและ ทอมมี ลี โจนส์ ประสมประสานมุกจิกกัด หยอกล้อกันตลกขบขันๆที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมกับผู้แสดง

แต่ว่าสำหรับMIB Internationalสิ่งที่หนัง เลือกให้ผู้ชม มองเห็นกลับมีเพียงแค่ บทสนทนากระแหนะกระแหน แบบสุนัขหยอกล้อไก่ ของ เอ็ม รวมทั้ง เอช

ซึ่งมิได้ช่วย ทำให้พวกเรา รู้เรื่องตัวตน ของนักแสดงนัก พูดได้ว่า ค้างแรกเตอร์ของ ทั้งสองตั้งแต่ต้น เรื่องจนถึงด้าน หลังเรื่องไม่มีสิ่ง ใดเปลี่ยนอย่าง แจ่มแจ้ง โดยพวกเรา จะได้รับทราบ เพียงแค่ว่า

เอเจนต์เอช เป็นผู้ชายเจ้า สำราญที่แอบ เหมือนเจมส์ บอนด์เข้าไปทุกครั้ง เขาปราศจาก ความรับผิดชอบ เป็นคนเฒ่าหัวงู แล้วก็มัก ประมาทเลิ่นเล่อ อยู่ตลอดกลับ มีไหวพริบ ปฏิภาณเอา ชีวิตรอด

ส่วนเอเจนต์เอ็มก็เป็น หญิงแข็ง ฉลาดหลักแหลม แล้วก็หมกมุ่น กับสิ่งมีชีวิต นอกโลกเพราะ เหตุว่าในวัย เด็กเคยช่วย เอเลี่ยนไว้ แถมยังรอด จากการเช็ด กลบความจำ ด้วยเครื่อง นูทรัลไลเซอร์

แต่ว่าสิ่งที่ผู้ชมจะมิได้ทราบจากหนังทั้งยังเรื่องเป็นทั้งสองศึกษาอะไรจากการทำงานในหน่วยงานลับอย่างเอ็มไอบี แม้ว่าจะมีเหตุช่วงท้ายที่คงจะสะเทือนความมั่นใจต่อหน่วยงานก็ตาม

แม้กระนั้นถ้ามองในแง่ดีก็นับว่าหนังเซอร์วิสผู้ชมกรุ๊ปผู้หญิงที่อยากพาร์ตโรแมนติกพ่วงด้วยสิกข์แพ็คสวยๆของคริส หมูแฮมเวิร์ธที่พักว่าแซ่บลึ่มแน่ๆ

ซึ่งก็นับว่าเป็นโอเอซิสอันชุ่มฉ่ำท่ามกลางฉากแอ็คชั่นที่อัดมาเกือบทุก 5 นาทีให้ผู้หญิงเพียงพอสดชื่นได้บ้าง

รวมทั้งสิ่ง ที่เปลี่ยนไป จากภาคก่อน ๆ สำหรับเอเลี่ยน เป็นการพยายาม วางแบบติด อยู่แรกเตอร์ เอเลี่ยนสวย ๆ มาลักขโมยซีน

ซึ่งส่วนตัว คิดว่ามันมอง ตามขนบหนัง ยุคใหม่ที่อุตสาหะสร้าง ค้างแรกเตอร์สวย หวังให้มันดัง แล้วขายสิทธิ์ผลิต ผลิตภัณฑ์จากหนังมากมาย ไปหน่อย เวลาที่ เอ็มไอบี ภาคก่อน ๆ เอเลี่ยนเป็นเอเลี่ยน

น่าขยะแขยง แต่ว่าตลกขบขัน ด้วยบทที่หนัง วางมาสร้าง ความรื่นเริงใจ ได้มากกว่า แถมมองไปดูมาภาค International กลับขาดเอเลี่ยน ที่มีบทเด่น ราวกับหนัง เอ็มไอบี ภาคก่อนๆ

หนังระดับตำนาน ตรงกันข้าม มันกลับเพิ่ม ปริมาณเอเลี่ยน ที่มาเดินผ่าน หน้าจอแม้กระนั้น แทบจะไม่มีตัวไหน มีหน้าที่เป็น เนื้อเป็นหนัง อย่างแท้จริง เท่าไรนัก

ส่วนคู่ขวัญที่มาร์เวลอย่าง คริส แฮมเวิร์ธ รวมทั้ง เทสซ่า ธอมป์สัน เทียวไปเทียวมาเพียงพอยิ่งหนังอุตสาหะจะเล่นบทสุนัขหยอกล้อไก่กับผู้แสดงทั้งสอง

เลยเปลี่ยนเป็นการพยายามเซอร์วิสแฟนมาร์เวลที่จิ้นทั้งสองจาก THOR RAGNAROK มากยิ่งกว่าจะเล่ารายละเอียดที่เป็น เอ็มไอบี จริงๆโดยเหตุนั้นตลอดทั้งเรื่อง

เลยเปลี่ยนเป็นพวกเรากำลังมอง ธอร์ กับ วัลคิรี มาขิงคละเคล้ายั่วเสน่ห์ใส่กันมากยิ่งกว่ามาถกเรื่องความลับจักรวาลหรือคิดแผนทลายเอเลี่ยนศัตรูของโลก

ซึ่งถ้าเกิดถามคำถามว่าเคมีการแสดงของทั้งสองดีมั้ยก็จะต้องตอบเลยว่าเคมีดีเยี่ยมถูกกันไม่มีความต่างจากหนังธอร์ก่อนหน้านี้ ส่วนตัวเสียดายที่สุดเป็นติดอยู่แรกเตอร์ของเทสซ่า ธอมป์สัน

ที่คงจะมีเนื้อมีหนังกว่านี้โดยยิ่งไปกว่านั้นเรื่องฝังใจของเอเจนต์เอ็มที่อุตส่าห์ปูว่าคุณจำเป็นต้องเจอจิตแพทย์ข้างหลังได้พบเอเลี่ยนในวัยเด็ก แต่ว่าหนังก็เลือกเล่าผ่านๆ

มิได้จับจุด นี้มาขยายต่อ หรือสร้างปัญหา ให้กับนักแสดงอะไร ส่วนคริส แฮมเวิร์ธ ส่วนตัวค่อนข้าง จะมีปัญหา กับค้างแรกเตอร์ กล่าวเร็ว แถมมึมมัม ราวกับกล่าว ในคออีกทั้ง เรื่องของเขา

หากแม้หนังมาเฉลยคำตอบเงื่อนที่ทำให้ผู้แสดงเป็นแบบนี่ในส่วนท้ายแม้กระนั้นพวกเรากลับรู้สึกเบื่อหน่ายไปก่อนที่จะเสียแล้วนี่สิ รีวิวหนัง

สรุปแล้วนี่เป็นหนังเพื่อคนหวังรื่นเริงแบบไม่คิดอะไรมากมาย ได้เข้ามามองฉากแอ็คชั่นมันๆหรือมาดูชาวแอสการ์ดใส่สูทดำล่าเอเลี่ยนพร้อมเคมีเชิญชวนจิ้นก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ