หนังอ้ายคนหล่อลวง เว้นห่างจากจอภาพยนตร์ไปร่วม 1 ปีเต็มสำหรับหนังค่าย จีดีเอท ที่ปีนี้ดูเหมือนจะดวงขึ้น
หนังอ้ายคนหล่อลวง กับวิธีการทำซีรีส์ป้อนทั้งยังวิถีทางทีวี และก็ออนไลน์ แม้กระนั้นภายหลังจากเปิดตัวโปรเจกต์ภาพยนตร์ใหม่ไปไม่นานวันนี้ ก็ได้ยามแกะกล่องหนังส่งท้ายปี 2020 ปี
ที่แสนร้ายแรงสำหรับภาพยนตร์ไทยอย่างยิ่งพร้อมการกลับมาครั้งที่4 อย่างเป็นทางการของเมษ ธราธรผู้กำกับสายคอมเมดี้ระดับร้อยล้านกับงานใหม่ที่จับเอากิมมิกของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์
มาผูกโยงกับหัวข้อการหลอกลวงโดยการเอาความรักมาเป็นอุปกรณ์ ข้างหลังโดนแฟนเด็กอย่าง เพชร (ธิติ มหาโยธารักษ์) หลอกเอาเงินไปหมดเนื้อหมดตัว อินา พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูล
บุคลากรศรีสวัสดิ์ก็ดำรงชีวิตอย่างอัตคัดแล้วก็เอาความน่าโง่ของตนมาเป็นคอนเทนต์ลงอินเตอร์เน็ตเรียกเงินช่วยเหลือจนถึงเป็นวิถีทางให้ ทาวเวอร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ 18 มงกุฎ
กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นหนทางทำเงินแต่ว่าดันถูกอินาซ้อนแผนจับไต๋ได้ และก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับลบคลิปเสียงหลักฐานการต้มตุ๋นทาวเวอร์ตกลงที่จะทำแผนลวงเอาคืนเพชรครั้งใหญ่
แล้วก็ยังได้ อาจารย์นงนุช (คัทลียา แมคอินทอช) ครูของอินาที่ติดหนี้ ติดสินศรีสวัสดิ์ก้อนใหญ่ และก็ มิจฉาชีพ (พงศธร จงวิลาส) เพื่อนขโมยที่ติดตะรางมาพร้อมกับทาวเวอร์
ร่วมแผนจัดฉากคดโกงหมดหน้าตักกับเพชร แต่งานนี้ ผู้ร้ายตัวบิดา หรือสายมโนเพ้อรักคนใดจะโดนหักเหลี่ยม สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดบอดของหนังเมษ ธราธรมาตลอดอาจจะหนีไม่พ้น
บทภาพยนตร์ที่แทบมิได้ปฏิบัติหน้าที่อะไรไปๆ มาๆ กกว่าการถูกใช้เพื่อรองรับมุกเฮฮาสไตล์การ์ตูน หรือคอมิกคอมเมดี้ อันเป็นลายเซ็นต์มาตลอด หากแม้ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้
ด้วยเหมือนกันหัวข้อที่หนังเขาเล่าจะน่าดึงดูดมากมาย ทั้งยังการแข่งขันไต่สวนตู้ เอทีเอ็ม แจกเงินของคนรักที่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความรักกับหน้าที่การงาน
หรือการพัฒนาตนเองเรียนภาษาอังกฤษเพื่อตามไปขอคืนดีคู่รักก่อนที่จะหัวใจจะเริ่มสะกดคำว่า ฉันรักเธอ กับคุณครูที่ทำให้มองเห็นอีกทั้งการสู้ทนในหน้าที่การงานแล้วก็จุดสำคัญของวิชาความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อต้อนรับเออีซี แต่ว่าเพียงพอหนังมุ่งไปทางคอมเมดี้เป็นหลัก และก็เรื่องรักเป็นภาคบังคับ
พวกเราเลยมองเห็นความเหลื่อมล้ำไม่ลงตัวในเนื้องานของเขามาตลอด แม้กระนั้นกับความสามารถการปั้นบทของเต๋อ-ฉันนกช์ ธนะเสวีที่ก่อนหน้านี้ ที่ผ่านมาเขียนบทให้ ผู้กำกับ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนกูล มาตลอดก็ทำให้ อ้าย..คนหล่อลวง เป็นบทหนังที่ถึงพร้อมกับลูกเล่นแพรวพราว และก็เต็มไปด้วยไอเดียแจ๋วๆ
โดยยิ่งไปกว่านั้นการถือจับข่าวสารการหลอกลวงเงินของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์รวมทั้งปัญหาคลาสสิกของสังคมไทยอย่างการโกหกโดยใช้ความรักเป็นเครื่องไม้เครื่องมือมาผูกโยงบท และก็มันยังสามารถรองรับกับมุกสไตล์ เมษ ธราธรที่เต็มไปด้วยผู้แสดงท่าทางแบบการ์ตูนๆ ได้พอดีเหมือนกับวัดตัวตัดเสื้อผ้าอย่างยิ่งจริงๆ รีวิวหนัง
ลุ้นระทึกตามจริงๆ โดยไม่ทิ้งความฮาแบบไม่เกรงใจผู้ชมอย่างยิ่งจริงๆ
โดยข้อดีที่สุดเป็นการเปรียบเทียบ เล่นมุมของการสแคม หรือการฉ้อฉล อีกทั้งแบบใช้เทคโนโลยี อย่างกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นข่าวดังแล้ว ก็การฉ้อโกง ที่อนาล็อกที่สุด อย่างการใช้ความรัก ที่ตรวจตราได้ยากที่สุด และก็ทำเอาเหยื่อหมดเนื้อหมดตัวแล้วก็หัวใจที่สุดมาปั้นมาเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้
ที่มีกลิ่นของหนังต้มตุ๋น พบผสมด้วยเรื่องรัก ที่กลับไปๆ มาๆ ด้วยการลวงหลอก ที่แม้ว่าจะถูกเห็นว่าทึ่มแม้กระนั้นหากกับตนเอง ก็ยากละที่จากเสือจะแปลงเป็นแกะ เนื่องจากว่าแม้กระทั้ง คนเฉลี่ยวฉลาดระดับด็อกเตอร์ ยังเสียท่าให้คำไพเราะๆ ของโจรหัวใจได้เลยจริงไหมล่ะ รวมทั้งถึงแม้หนังจะยังมีภาคบังคับ
เป็นโรแมนติกคอมเมดี้แม้กระนั้นสิ่งที่ทำให้หนังน่าละลานตาจริงๆ คงจะหนี ไม่พ้นการคิดแผนคดโกงระดับยอดเยี่ยมดาวล้านดวงที่หนังทำออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจรวมทั้งเต็มไปด้วยแผนสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนกลับไป กลับมาสไตล์หนัง ที่หายากมากมายในภาพยนตร์ไทย แถมยังเสี่ยงโป๊ะแตก
เพราะว่าบท และก็การควบคุมไม่ดีพอ เพียงแต่ว่ากับ อ้าย..คนหล่อลวง ผมเทคะแนนส่วนนี้ ให้อีกทั้งงานประพันธ์บทของเต๋อรวมทั้งการควบคุมของเมษเลย ว่าทำออกมาได้เนียน และก็เชิญชวนลุ้นระทึกตามจริงๆ โดยไม่ทิ้งความฮาแบบไม่เกรงใจเพราะผู้ชมอย่างยิ่งจริงๆ หนึ่งในความกังขาที่มีต่อหนัง
ก่อนหน้าที่ผ่านมา เป็นการแคสติงดาราหนัง สายละครอย่าง ที่เดชน์ คูกิมิยะ แล้วก็ แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์ ที่คนแรกเคยลงหน้าจอหนังไปครั้งเดียวกับบท โกโบริในคู่บาป ส่วนฝ่ายหลังแม้ว่าจะยอดเยี่ยมความสามารถในซีรีส์ที่รับท้าตนเองตลอดแต่ว่าก็เป็นมือใหม่ในงานภาพยนตร์ แต่ว่าเชื่อไหมครับผม
ว่าทั้งสองเป็นเสมือนวัตถุดิบ ที่ชูรสหนังได้แบบถึงเครื่องมากมาย ณเดชน์ คูกิมิยะ พิสูจน์ตนเองได้อีกรอบว่าเขามีดีมากยิ่งกว่าเพียงแค่ใบหน้า หากแม้บททาวเวอร์จะดูอย่างกับว่าบทตลกขบขันกะโหลกกะลาแต่ว่าการจับผู้ที่เล่นเป็นคุณชาย นักธุรกิจ รวมทั้งชายหนุ่มหล่อแสนดีมาเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย
ผ่านเรือนจำเลยเปลี่ยนเป็นการพลิกคาแรกเตอร์ ของเขาแบบแฟนคลับ และก็ผู้ชมเกิดคาด แต่ว่าจุดที่ทำให้มีความรู้สึกบาปเลยที่ไม่ดูเป็นดราม่าในจุดหักเหสำคัญของเรื่อง และก็การเก็บเงื่อนที่ทำให้พวกเราจะต้องลุ้นว่าผู้ร้ายอย่างเขา จะสุจริตใจกับแผนทุจริตที่ดันเริ่มมีความรักมาแทรกกึ่งกลางอย่างไร
ที่ทำให้พาร์ทโรแมนติกของเรื่องดำเนินงานได้เชิญจิกเบาะ และก็ลุ้นตามมาก ส่วน ธิติ มหาโยธารักษ์ ถึงแม้บทจะมิได้ให้เขาทำอะไรมากมายไปกว่าการ ยิ้ม และก็ฉายเสน่ห์เด็กหนุ่มเจ้าเล่ห์ที่ทำเอาหัวใจมาเป็นเกมต่อรองล้มเจ้ามือ แม้กระนั้นด้วยเสน่ห์ส่วนตัวก็ยากนะที่พวกเราจะคิดภาพคนไหนกันแน่
มาแทนที่ได้ ยิ่งเป็นยิ้มที่จะต้องอาศัยจังหวะคอมเมดี้ และก็เล่นบทชั่วโคตรหน้าซื่อก็ทำให้พวกเราน่าไว้วางใจเลยว่าหากสาวเล็กสาวใหญ่ได้พบหม้อต้มหน้าหล่ออย่าง เพชร ที่มีอีกทั้งรอยยิ้มรวมทั้งลูกอ้อนดึงจิตใจจะให้โอนค่าเทอม หรือค่าของหวานก็คงจะหมดเนื้อหมดตัวได้แน่นอน
ด้าน ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ แม้ว่าจะเป็นครั้งที่ 2 ที่คุณกลับมาร่วมงานกับจีดีเอท แม้กระนั้นโอกาสนี้ บทอินากลับเรียกร้องให้คุณ “สร้างความชอบธรรม” ให้นักแสดงได้มากยิ่งที่สุดเพราะว่าโดยบทที่เขียนมาว่าคุณเป็น “เหยื่อ” ที่ “ซื่อ” จนกระทั่งหมดตูดแล้วก็ถูกเห็นว่าทึ่มถูกเด็กหลอก
แม้กระนั้นใบเฟิร์นเอาความบริสุทธิ์ใจแล้วก็การผลิตภาพบุคลากรค่าจ้างรายเดือนต่ำที่ก้มจ่าย และชำระหนี้ ให้ผู้ชมรักคุณ ด้วยการผลิตติดอยู่แรกเตอร์ที่พวกเราอดเอาใจช่วยมิได้ มันทั้งยังน่าเห็นใจแล้วก็มีเสน่ห์แบบสาวบ้านๆ ที่ขัดกับเซ็กส์แอพพีลที่ถูกขายไปแล้วใน เฟรนด์โซน ระวังจบทางเพื่อนพ้องแล้ว
ก็ยิ่งหนังก็ใจดำให้คุณจำต้องมาเสี่ยงโดนหลอกด้วยความซื่อตรง และก็การบูชาความรักแบบไม่ลืมหูลืมตา งานนี้ ใครกันแน่กล้าด่าทอคุณว่าทึ่มก็ใจจืดใจดำเหลือเกินแล้วล่ะ นอกจากนั้นหนังยังได้ดาราจอมลักขโมยซีนอย่าง เผือก-พงศธร ต้องสวย ที่เล่นเป็นขโมยมุกแพรวพราวแล้วก็เปิดตัวได้เวอร์วัง
เชิญชวนเวียนเฮดมาสร้างความสนุกสนานให้หนังไม่น้อยเลย นอกเหนือจากนั้นการได้ พี่แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช มาเปิดฉากจอภาพยนตร์ยังมีผลให้พวกเรามองเห็นเลยว่าเสน่ห์ของดาราหนังระดับตัวแม่นี่อายุไม่เกี่ยวจริงๆ นอกเหนือจากความงดงามตามวัยแล้ว ความสามารถการแสดงยังเข้าฝัก
สร้างเสียงเฮจนถึงละสายตามิได้จริงๆ ซึ่งด้วยส่วนประกอบที่บทถึง การแสดงเลิศรวมทั้งเสน่ห์ดาราหนังล้นเหลือก็เหมาะสมแล้วตรงนี้จะเป็นของขวัญชิ้นสำคัญของภาพยนตร์ไทยที่จะพาพวกเราผ่านปี 2020 นี้ไปด้วยรอยยิ้มที่พวกเรานับปริมาณครั้งได้ในปีนี้ ดาบพิฆาตอสูร
