ความอยุติธรรม พูดถึงการต่อสู้ของผู้ที่ถูกกดขี่

ความอยุติธรรม

ความอยุติธรรม เปรียบเปรยว่าเจ้าอาณานิคมเป็น “ต้นไม้ใหญ่”

ความอยุติธรรม เป็นหนังของความโกรธ และเป็นความโกรธ ที่เราเคยพบเห็นมา แล้วในหนังที่ว่าด้วยคน กลุ่มน้อยที่โดนรังแก ซ้ำแล้วซ้ำ
อีกไม่ใช่เพียงแค่จาก ตำรวจเหยียดผิวสาม-สี่คน แต่โดยระบบเจ้าอาณานิคม ที่ยังไม่เสื่อมอำนาจแม้ จะผ่านเข้าสู่ยุคหลัง อาณานิคมแล้ว
โดดเด่นด้วยราย ละเอียดทางวัฒนธรรม และการต่อสู้ทางอุดมการณ์ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ระหว่าง คนผิวสีกับคนขาว แต่ระหว่างนักเรียก ร้อง
ด้วยกันเองที่ส่วนหนึ่ง เพียงแค่อยาก ใช้ชีวิตปกติและ “ยอม”

เป็นส่วนหนึ่ง ของระบบที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่แฟร์ หรือจะลุกขึ้นจัด ตั้งเดินขบวน ยอมถูกจับ เดิมพันกับประวัติศาสตร์ และเดินแถวขึ้นศาลเพื่อแสดง
จุดยืนของตัวเอง ในปีที่จอหนังส่วนใหญ่ ในโลกยังดับมืด ภาพยนตร์สตรีมมิ่งกลาย เป็นสนามของ ผู้กำกับมือดี เราอาจจะดู กันเป็นสรณะ
แต่หนึ่งในหนังดี ของปีที่แล้วและ ต่อเนื่องถึงเวที ออสการ์ปีนี้ คือหนังชุดที่เรียกรวม ๆ ว่า ของผู้กำกับอังกฤษ สตีฟ แมคควีน ที่เรารู้จัก
กันจากและ

ความอยุติธรรม

ออกฉายเมื่อ ปลายปีที่แล้วทาง และลงสตรีมใน เป็นชุดภาพยนตร์ที่ ประกอบด้วย 5 เรื่อง ได้แก่ และ แต่ละเรื่องอยู่ ภายใต้ธีมเดียวกัน
แต่ไม่ได้ต่อเนื่องกัน (ดังนั้นจะดูแยกก็ได้ ความยาวมีตั้งแต่ชั่วโมงนิด ๆ ถึงสองชั่วโมง) ทั้ง 5 เรื่องว่าด้วยความทุกข์ ความสุข และความ
หวังของคนอังกฤษ ผิวสีเชื้อสายจาไมก้า ที่ใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอน ในช่วงทศวรรษที่ 1970-1990 นักฟังเพลงคงคุ้นชื่อซีรีส์ ว่าเป็นเพลงดัง
ของ บ๊อบ มาร์เลย์ ศิลปินเรกเก้ชาว จาไมก้าที่โด่งดังมาก ในอังกฤษ

เนื้อเพลงพูด ถึงการต่อสู้ของ ผู้ที่ถูกกดขี่ เปรียบเปรยว่าเจ้าอาณานิคมเป็น “ต้นไม้ใหญ่” และผู้เรียกร้องอิสรภาพคือ “ขวานด้ามเล็ก”หนัง
อย่างน้อย 2 เรื่องจาก 5 เรื่องนี้มีสิทธิ์ลุ้น ไปถึงออสการ์ ว่ากันว่าถ้าเทศกาล หนังเมืองคานส์ปีที่แล้ว ไม่โดนยกเลิก เพราะโควิด หนังสอง
เรื่องจากเซ็ตนี้ คือ ร็อค น่าจะอยู่สายประกวด และเป็นหนังดังแห่งปี (อันนี้เห็นด้วย) ถ้าจะเสาะหามาดูกัน ขอแนะนำสองเรื่องนี้ก่อน ส่วน
อีกสามเรื่องในชุดค่อย ๆ ตามดูทีหลังได้ถึงจะ ว่าด้วยเรื่องของคน อังกฤษเชื้อสายจาไมก้าทั้งคู่ แต่ช่างแตกต่างในโทนและอารมณ์

เป็นหนังแห่งความคับแค้น เกรี้ยวกราด ถ่มถุยความอยุติธรรมและการเหยียดสีผิว

หนังสร้างจากเรื่อง จริงของร้านอาหารจาไมก้าชื่อ ในย่านคนอพยพของลอนดอน ในช่วงทศวรรษ1970 ที่กลายเป็นศูนย์รวม ของนักเรียกร้อง
ความเท่าเทียมและ มักเป็นเป้าให้ตำรวจ เรซิสท์บุกค้น ทำลายข้าวของ และจับตัวเจ้าของ และลูกค้าตามอำเภอใจ นำไปสู่การพิจารณาคดี
ครั้งสำคัญของ แอคติวิสท์ผิวสี 9 คนข้อหาก่อจลาจล

ชื่อเรื่องมาจาก ตระกูลเพลงเรกเก้ สายอ่อนหวาน (คือไม่ใช่เรกเก้โป้งชึ่ง) เป็นเพลงสำหรับคู่รัก หนุ่มสาวไว้เต้นรำ และจีบกันตามงานปาร์ตี้
หนังเรื่องนี้ ยาวแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ไม่มีพล๊อท ไม่มีเนื้อเรื่องจริงจัง เราเพียงแค่ตามสอง สาวผิวสีในค่ำคืนที่ เธอไปร่วมงานเต้นรำที่จัดในบ้าน
ปาร์ตี้แบบนี้เป็น เรื่องปกติของคน จาไมก้าในอังกฤษในยุค 1980 ที่ถูกกีดกันไม่ให้ ไปบาร์หรืองาน เลี้ยงของคนขาว ทั้งสองสาวฟังเพลง
เต้นรำ มีหนุ่มมาจีบ โกรธกัน ดีกัน ฯลฯ ความอยุติธรรม

ความอยุติธรรม

ทั้งหมดเกิดขึ้น ในบรรยากาศอบอวล ด้วยแรงปรารถนา คลอเคลียด้วยเสียงเพลง และดีเจที่คอยกระตุ้น เร้าเสน่หาของคู่เต้นบนฟลอร์ จุดเด่น
อีกประการ ของหนังชุด คือเพลงประกอบ และในบรรดาหนัง 5 ตอนนี้ ตอนที่เพลงและดนตรี เป็นเคมีหลักในการสร้าง เรื่องและบรรยากาศ
คือตอน สำหรับผู้เขียน นี่คือหนังที่ดีที่สุด เรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว และดูซ้ำได้หลายรอบแน่ ๆหนังคนดำ” นี่เรียกกันอย่างตรงไป ตรงมาถึงจะ
ไม่ถูกหลัก มักจะโดดเด่นเมื่อ แสดงความเจ็บปวด หรือมีภาพการต่อสู้ (หนังในชุดนี้เองก็เป็นเช่นนั้น)

แต่กลับตรงกันข้าม นี่คือหนังของความรื่นรมย์ ความรักที่กำลังก่อตัว ความอีโรติคของการเยื้องย่าง มือที่กวัดแกว่งตามร่างกาย ปากที่กระซิบ
คำรัก นี่แทบจะเป็น หนังแบบหว่องกาไว ที่เน้นความลื่นไหล ของบรรยากาศมากกว่า เนื้อเรื่อง แต่พบในการมีความสุข ไม่ว่ามันจะสั้นแค่ไหน
หนังเรื่องนี้เปล่งปลั่ง ด้วยอารมณ์ละเมียดละไม โดยไม่หลงลืมว่า ผู้คนในหนังยังอาศัย อยู่ในโลกของความเป็นจริง ที่ไม่ได้สวยงามเสมอไป
และอย่างที่ว่า

ซาวด์แทร็คของ เรื่องนี้มีเพลงดี ๆ ที่เราอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่รับรองว่าฟังแล้วเคลิ้ม เพลงเรกเก้มี ความหลากหลาย มากกว่าบ๊อบ มาร์เลย์
และ ไม่ได้เพียง เล่าเรื่องคนจาไมก้า ในลอนดอนผ่านภาพ แต่ผ่านเสียงเพลง แห่งความสุขและ ความทุกข์ของ พวกเขาได้อย่าง เต็มโสต
ประสาท พยัคฆ์ขาว | รีวิวหนัง

Share:

Author: admins